![](http://2.bp.blogspot.com/_jhoeIOtd_FM/SbQZlgNZMGI/AAAAAAAAAEY/5VFRbHMPsSw/s320/Light+rabbit.jpg)
![](http://2.bp.blogspot.com/_jhoeIOtd_FM/SbQan4fgcNI/AAAAAAAAAEg/J8L7OtSoal8/s320/squirrel.jpg)
ร่วมแบ่งปันความรู้สึกและจินตนาการที่ผสมผสานออกมาเป็น"ชีวิต"...ที่บ่อยครั้งเรามอง'ข้าม'ไป
โคมไฟอันนี้ จำได้ว่าเคยเห็นครั้งแรกตอนไปเที่ยวเชียงใหม่ตอนเด็กๆประมาณป.6
เดินไนท์บาซาร์แล้วก็เจอ ในใจก็อยากได้ แต่ไม่ได้บอกแม่ว่าจะเอา
(ดูสิ เด็กดีจิงจิ๊งงงง)
แล้วก็ได้ไปเที่ยวหัวหินกะเพื่อนตอนม.6
ผ่านมา6ปี ความอยากได้โคมไฟอันนั้นก็ยังมีอยู่> <"
ด้วยความโชคดี เลยไปเจอโคมไฟอันนี้ใน"ตลาดหัวหิน!!!" มีหรอจะพลาด... ซื้อทันที^O^
(แต่ว่าเดินถัดไปอีก2ร้าน ปรากฏว่าเจอร้านที่ถูกกว่า ไม่เป็นไรๆ ไหนๆก็ซื้อมาแล้ว... ปลอบใจตัวเองอ่ะT^T)
ส่วนอันนี้เราเรียกว่า "บ้านหมี" น่ารักมะ^^
ที่จริงเรียกตามแม่ จิงๆนะ ^O^
เห็นโคมไฟอันนี้จะนึกถึงตอนสมัยม.ต้น ตั้งแต่ตอนที่นอนรวมกันทั้งบ้าน พ่อ แม่ พี่ น้อง
แล้วก็จะนึกถึงตอนที่นอนไม่หลับ (แต่คนอื่นก็เอาแต่หลับกันคร่อกๆ> <") เพราะว่าตอนนั้นชอบเปิดโคมไฟบ้านหมีอันนี้ก่อนนอน
เห็นแล้วก็อยากย้อนกลับไปช่วงเวลานั้นอีกสักครั้งหนึ่ง...
คิตตี้ยักษ์ตัวนี้...แบกมาจากห้องน้อง(หน้าตาเฉย) หุหุ
ตอนแรกที่เห็นก็เฉยๆ ไม่ตื่นเต้นเท่าไหร่
แต่พอเปิดไปซักพักเริ่มชอบ ทุกครั้งที่เปิดจะต้องเปิดเพลงเพราะๆคลอไป
ทำจนเป็น condition ซะแล้ว> <" (ซะงั้น...)
อันนี้เรียกโคมไฟรึเปล่า ไม่แน่ใจ- -
แต่เป็นอันที่เรา ชอบ ที่ สุด แล้ว
ตั้งแต่เกิดมาเราก็เห็นโคมไฟอันนี้แล้วก็ชอบเปิดๆปิดๆหลายรอบอยู่ตอนเด็กๆ(อีกแล้ว)
เปิดไม่ถึงก็พยายามจะเปิดให้ได้...
คงเป็นเพราะว่าสีสวย แล้วก็แปลกดี เปิดได้หลายlevel
อยู่สูงเหมือนกันนะ ต้องปีนเก้าอี้ถ่ายรูปกันเลยย
อืมม...หยุดเรื่องตอนเด็กๆไว้เท่านี้ดีกว่า
(พูดเหมือนเราจะแก่มากแล้ว ???*-* )
อีกสาเหตุนึงที่ทำให้เราชอบโคมไฟพวกนี้มากเป็นเพราะว่า...
เวลาที่เราอยากพักผ่อน หรือเพิ่งสอบวิชาในคณะ(อันหฤโหด)มา
เราก็จะเปิดโคมไฟพวกนี้ทั้งๆที่เปิดไฟในห้องสว่าง แล้วก็อ่านหนังสืออ่านเล่นไป
มีความสุขมากกกกกกก:)
แต่ว่าถ้าเกิดอยากเปลี่ยนบรรยากาศ ก็ลองเปิดแต่โคมไฟแล้วปิดไฟในห้อง
ก็ทำให้ผ่อนคลายหายเครียดกันได้ แต่ว่าจะอ่านหนังสือมิได้
(อ่านได้ก็แปลกแล้ววว)
มาเริ่มเรื่องโคมไฟตอนแก่ เอ๊ย ตอนปัจจุบันกันมั่งดีกว่า
คงไม่พ้นโคมไฟตั้งโตีะ...อันนี้นี่เอง
ความทรงจำก็คงไม่พ้นตอนอ่านหนังสือเรียน โดยเฉพาะตอนสอบเอนท์!!!
ตอนนั้นก็ปิดเปิดหลายรอบอยู่ แต่หลอดไฟก็ยังใช้ได้ดี ทนทานจริงๆ:)
สังเกตใกล้ๆจะเต็มไปด้วยรอยปากกาขูดขีด
ขอปิดท้ายด้วย "โคมไฟหมู" ... เพราะว่าอยู่ในห้องน้ำ(เกี่ยวมั๊ย)
เปิดในที่มืดแล้วสวยมากเลยย เห็นสีชมพูกับฟ้าโปร่งแสงชัดเจน
ชอบบบบบบ
หวังว่าเพื่อนๆคงยังไม่เบื่อกับสิ่งที่เราบ่นมา...
ไม่ได้จะชักชวนให้เพื่อนมาชอบโคมไฟที่บ้านเรา แต่ว่าอยากจะให้ทุกคนสังเกตคุณค่าของโคมไฟใกล้ตัวที่บ้านรวมทั้งสิ่งของอื่นๆด้วย
เคยมีคนกล่าวไว้ว่า "Love is Eternity" หรือความรักที่คงอยู่ชั่วนิจนิรันดร์ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานสักเพียงไหน แต่ความรักก็ยังคงอยู่ไม่สูญสิ้นไป
หลายคนคงเคยได้ยินนิทานเจ้าหญิงเจ้าชายหลายเรื่องที่ 'Happy Ending' ... "และแล้วเจ้าหญิงกับเจ้าชายก็อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขตลอดกาล..." เหมือนกับการ์ตูนเรื่อง "Beauty and the Beast" ที่ลงเอยแบบ Happy Ending เช่นกัน
ความรักของ 'Belle' กับ 'Beast' นั้นย่อมคงอยู่ตลอดกาล เพราะ 'Belle' รักเจ้าชายทั้งๆที่เป็นอสูรแต่จิตใจอ่อนโยนและเป็นคนดี ต่างกับ 'Gaston' ผู้ที่รูปร่างหน้าตาดี แต่ภายในมีแต่ความอวดดี คุยโม้โอ้อวด
หากความรักของเราเปรียบได้แค่เสี้ยวหนึ่งของ Belle และ Beast ต่อให้นานสักกี่ศตวรรษ 'เวลา'ก็คงมาทำร้ายความรักไม่ได้
แล้วคุณล่ะเคยคิดมั๊ย... ว่าจะรักษาความรักไปได้นานสักเพียงไหน?
>>*ก่อนที่ 'ความรัก' จะเกิดได้ก็ต้องอาศัย 'เวลา' และหากมีความเข้าใจกัน ห่วงใยใส่ใจกัน 'เวลา' สำหรับ 'ความรัก' ก็ไม่มีที่สิ้นสุด...
อย่าลืม... ว่าเวลาของเราแต่ละคนมีไม่เท่ากัน บางคนอาจอยู่ได้อีก10ปี บางคนอาจจะแค่10เดือน หรือบางคนอาจจะแค่10วัน
ทุกคนต้องการความรัก ไม่ว่าจะเป็นความรักแบบพ่อแม่-ลูก ญาติ-ญาติ พี่-น้อง เพื่อน-เพื่อน ความรักแบบคู่รัก เราไม่มีวันรู้ว่าเวลาสำหรับคนที่เราแคร์และรักมากนั้นเหลืออยู่เท่าไหร่
ไม่ว่าจะเป็นวันใดก็ตาม อย่าปล่อยให้คำว่า 'รัก' เป็นเพียงสิ่งที่คิดอยู่ภายในใจแต่ไม่มีวันได้แสดงออกมา เปรียบเสมือนรอยทรายที่นับวันก็โดนแต่น้ำทะเลซัดสาด นานวันเข้ามีแต่จะลบเลือนและจางลงทุกที...
บอกคนที่เรารักเสียตั้งแต่วันนี้ มอบสิ่งดีๆให้แก่กัน เพียงเท่านี้เราก็จะไม่เสียใจ หาก เวลา ของ'เขา'หรือ'เธอ'ที่มีบนโลกใบนี้น้อยกว่าที่เราคิดไว้มากมายนัก