วันอาทิตย์ที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2552

อนุสรณ์... แด่การจากกัน "ตลอดกาล"

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว... ยังมีกระต่ายสีขาวหูยาวตัวหนึ่งอยู่บนดวงจันทร์
มันเฝ้ามองกระรอกหางนุ่มนิ่มที่อยู่บนโลกด้วยความชื่นชม
นานเข้า... ก็กลายเป็นความรักมากมายที่มีให้กระรอก




อยู่มาวันหนึ่ง... เจ้ากระรอกสังเกตได้ว่ามีกระต่ายที่สนใจในตัวมันอยู่


มันก็เกิดความรู้สึกชอบกระต่ายเช่นกัน




เมื่อทั้งสองได้มาคุยกัน


เจ้ากระต่ายสีขาวรู้สึกรักเจ้าระรอกน้อยมากกว่าอะไรทั้งสิ้น


เพราะว่าเจ้ากระรอกน้อยสีน้ำตาลขี้เล่น ช่างเอาใจ เป็นคนดีกว่าทุกๆคนที่มันเคยรู้จักมาก่อน

กระรอกทำทุกๆอย่างได้เพื่อกระต่าย
ทั้งสองวิ่งเล่นกัน นอนเล่นกันในสนามหญ้าบนดวงจันทร์
นับดวงดาวที่เปล่งแสงสดใสบนฟากฟ้าอันมืดมิด
กระรอกไปหากระต่ายบนดวงจันทร์บ่อยๆ
กระต่ายมีความสุขมาก จนลืมที่จะคิดไปว่า
"ทุกสิ่งทุกอย่าง แม้แต่บนดวงจันทร์ ย่อมเปลี่ยนแปลงได้"
จนวันหนึ่ง... กระรอกต้องไปศึกษาวิชาการปกครองเพื่อจะไปปกครองโลกในอนาคต
กระรอกไม่มีเวลาให้กระต่ายอีกต่อไป
ไม่มีการวิ่งเล่นกัน ไม่มีการนอนเล่นบนสนามหญ้า ไม่มีการนับดวงดาว
ไม่มาหากระต่ายบนดวงจันทร์อีกต่อไป
กระต่ายเสียใจมาก... และรับกับการเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ทัน
ทั้งสองเริ่มมีปากเสียงกัน
กระต่ายต่อว่ากระรอกที่ไม่สามารถให้เวลากับกระต่ายได้เหมือนเช่นแต่ก่อน...
กระต่ายเสียใจที่ทุกครั้งที่ไปหากระรอกบนโลก แต่กลับถูกกระรอกไล่กลับมาทุกครั้ง
เพราะกระรอกบอกว่าไม่ว่าง และมีอย่างอื่นที่ต้องทำและมีประโยชน์กว่า
การที่จะเอาไปเวลาไปเล่นกับกระต่าย
กระต่ายเสียใจและร้องไห้อยู่นาน
แต่กระรอกกลับเห็นน้ำตาของกระต่ายเป็นเรื่องไร้สาระ
ทุกสิ่งที่ผ่านมาเป็นเสมือนแค่ความฝันที่วันนี้ต้องเผชิญกับความจริง
ต้องทำใจยอมรับมันให้ได้ว่าวันนี้กับวันนั้นต่างกัน
กระต่ายเลือกเป็นฝ่ายที่จะเดินจากมา
ถึงแม้ในใจยังรักกระรอกอยู่เสมอแต่มันก็ทนกับความเจ็บปวดในทุกๆวันไม่ไหว
เจ้ากระต่ายรู้แล้ว...
ว่าความรักเป็นเสมือนบทเรียนอันยิ่งใหญ่
ทั้งๆที่มันคิดว่าตัวเองได้พบกับรักแท้ แต่ความจริงแล้วก็เป็นเสมือนภาพลวงตา
มีผ่านมา แล้วก็มีผ่านไป
บางทีเจ้ากระต่ายอาจจะยังเด็กเกินไปก็ได้
จึงยังคิดไม่ได้ว่าควรจะปล่อยให้กระรอกได้พัฒนาตนเอง
แต่กระต่ายก็รู้อยู่แก่ใจว่ากระรอกไม่ได้ห่วงใยกระต่ายเหมือนในอดีต
เจ็บปวดเหลือเกิน... กับการที่ต้องจากกันทั้งๆที่ยังรักกันมากมาย
อยู่ต่อไป...ก็ยิ่งเจ็บ
แต่จากมา...ก็จะเจ็บแค่ครั้งเดียว
อาจจะนานหน่อย แต่ก็คงหาย..
กระต่ายทิ้งความทรงจำต่างๆไว้เป็น
อนุสรณ์... แด่การจากกัน "ตลอดกาล"
แล้วคุณล่ะ... คุณคิดว่ากระต่ายทำถูกแล้วหรือยัง???
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า*
ทุกสิ่งที่เกิดขึ้น แม้จะแน่ใจแค่ไหนว่าจะเป็นอย่างนั้นตลอดไป
แต่ก็ย่อมเปลี่ยนแปลงได้เสมอ
โดยเฉพาะ... "ความรัก"

วันศุกร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2552

***...My Favourite stuffs...***

หลังจากที่ไม่ได้เข้าบล็อกมานานมากแล้ว ก็ได้เวลาอัพบล็อกซะที

"MY LAMPS" (ภาษาอังกฤษวันละคำนะ...:P)

สิ่งที่เราชอบก็คือ"โคมไฟ"ในห้องเรานั่นเอง

อ่ะๆ... อย่าเพิ่งงงละกันO,o


ถ้าอยากรู้โปรดติดตามตอนต่อไป:)...

.

..

...

....

ทุกครั้งที่มองเห็นโคมไฟแต่ละอันจะทำให้นึกถึงความทรงจำและบรรยากาศเก่าๆที่ผ่านมานานแล้ว

นึกถึงทีไรก็ต้องยิ้มทุกที...

อย่างเช่น...




โคมไฟอันนี้ จำได้ว่าเคยเห็นครั้งแรกตอนไปเที่ยวเชียงใหม่ตอนเด็กๆประมาณป.6
เดินไนท์บาซาร์แล้วก็เจอ ในใจก็อยากได้ แต่ไม่ได้บอกแม่ว่าจะเอา

(ดูสิ เด็กดีจิงจิ๊งงงง)

แล้วก็ได้ไปเที่ยวหัวหินกะเพื่อนตอนม.6
ผ่านมา6ปี ความอยากได้โคมไฟอันนั้นก็ยังมีอยู่> <"

ด้วยความโชคดี เลยไปเจอโคมไฟอันนี้ใน"ตลาดหัวหิน!!!" มีหรอจะพลาด... ซื้อทันที^O^

(แต่ว่าเดินถัดไปอีก2ร้าน ปรากฏว่าเจอร้านที่ถูกกว่า ไม่เป็นไรๆ ไหนๆก็ซื้อมาแล้ว... ปลอบใจตัวเองอ่ะT^T)

ส่วนอันนี้เราเรียกว่า "บ้านหมี" น่ารักมะ^^











ที่จริงเรียกตามแม่ จิงๆนะ ^O^


เห็นโคมไฟอันนี้จะนึกถึงตอนสมัยม.ต้น ตั้งแต่ตอนที่นอนรวมกันทั้งบ้าน พ่อ แม่ พี่ น้อง

แล้วก็จะนึกถึงตอนที่นอนไม่หลับ (แต่คนอื่นก็เอาแต่หลับกันคร่อกๆ> <") เพราะว่าตอนนั้นชอบเปิดโคมไฟบ้านหมีอันนี้ก่อนนอน

เห็นแล้วก็อยากย้อนกลับไปช่วงเวลานั้นอีกสักครั้งหนึ่ง...

คิตตี้ยักษ์ตัวนี้...แบกมาจากห้องน้อง(หน้าตาเฉย) หุหุ





















ตอนแรกที่เห็นก็เฉยๆ ไม่ตื่นเต้นเท่าไหร่


แต่พอเปิดไปซักพักเริ่มชอบ ทุกครั้งที่เปิดจะต้องเปิดเพลงเพราะๆคลอไป
ทำจนเป็น condition ซะแล้ว> <" (ซะงั้น...)

อันนี้เรียกโคมไฟรึเปล่า ไม่แน่ใจ- -











แต่เป็นอันที่เรา ชอบ ที่ สุด แล้ว



ตั้งแต่เกิดมาเราก็เห็นโคมไฟอันนี้แล้วก็ชอบเปิดๆปิดๆหลายรอบอยู่ตอนเด็กๆ(อีกแล้ว)
เปิดไม่ถึงก็พยายามจะเปิดให้ได้...

คงเป็นเพราะว่าสีสวย แล้วก็แปลกดี เปิดได้หลายlevel

อยู่สูงเหมือนกันนะ ต้องปีนเก้าอี้ถ่ายรูปกันเลยย



อืมม...หยุดเรื่องตอนเด็กๆไว้เท่านี้ดีกว่า
(พูดเหมือนเราจะแก่มากแล้ว ???*-* )



อีกสาเหตุนึงที่ทำให้เราชอบโคมไฟพวกนี้มากเป็นเพราะว่า...

เวลาที่เราอยากพักผ่อน หรือเพิ่งสอบวิชาในคณะ(อันหฤโหด)มา

เราก็จะเปิดโคมไฟพวกนี้ทั้งๆที่เปิดไฟในห้องสว่าง แล้วก็อ่านหนังสืออ่านเล่นไป

มีความสุขมากกกกกกก:)


แต่ว่าถ้าเกิดอยากเปลี่ยนบรรยากาศ ก็ลองเปิดแต่โคมไฟแล้วปิดไฟในห้อง

ก็ทำให้ผ่อนคลายหายเครียดกันได้ แต่ว่าจะอ่านหนังสือมิได้

(อ่านได้ก็แปลกแล้ววว)



มาเริ่มเรื่องโคมไฟตอนแก่ เอ๊ย ตอนปัจจุบันกันมั่งดีกว่า

คงไม่พ้นโคมไฟตั้งโตีะ...อันนี้นี่เอง
















ความทรงจำก็คงไม่พ้นตอนอ่านหนังสือเรียน โดยเฉพาะตอนสอบเอนท์!!!

ตอนนั้นก็ปิดเปิดหลายรอบอยู่ แต่หลอดไฟก็ยังใช้ได้ดี ทนทานจริงๆ:)

สังเกตใกล้ๆจะเต็มไปด้วยรอยปากกาขูดขีด



ขอปิดท้ายด้วย "โคมไฟหมู" ... เพราะว่าอยู่ในห้องน้ำ(เกี่ยวมั๊ย)

เปิดในที่มืดแล้วสวยมากเลยย เห็นสีชมพูกับฟ้าโปร่งแสงชัดเจน












ชอบบบบบบ


หวังว่าเพื่อนๆคงยังไม่เบื่อกับสิ่งที่เราบ่นมา...

ไม่ได้จะชักชวนให้เพื่อนมาชอบโคมไฟที่บ้านเรา แต่ว่าอยากจะให้ทุกคนสังเกตคุณค่าของโคมไฟใกล้ตัวที่บ้านรวมทั้งสิ่งของอื่นๆด้วย

บางคนอาจจะไม่เคยได้สังเกต ได้ทำความสะอาด
โคมไฟที่น่าสงสารอาจจะถูกฝุ่นจับเขรอะอยู่ก็ได้ทั้งๆที่มันให้คุณค่ากับเรามานาน บางอันก็กว่าสิบปี
ร่วมผ่านชตากรรมและวันเวลาด้วยกันมายาวนาน

ลองนึกดีๆสิ ... บางทีอาจจะเห็นคืนวันเก่าๆย้อนผ่านมาในแสงของโคมไฟที่เราเปิดจนชินแล้วก็ได้

ไม่เพียงแค่โคมไฟ... แต่กับทุกๆสิ่งที่อยู่รอบตัว รวมทั้งทุกๆคนรอบตัว

* หันมาใส่ใจสิ่งรอบตัว ดีกว่าที่จะมารู้คุณค่าก็ต่อเมื่อสูญเสียสิ่งนั้นไปแล้ว จริงมั๊ยยย???:D
**********************************************************************************
แถมๆ
"MY MUSIC"

เพลงที่เราจะมานำเสนอ เป็นเพลงเก่าแล้ว...
เก่ามากกกกกกกด้วย ประมาณ 30-40 ปีที่แล้ว
เป็นเพลงสากลยุค 60sหรือ70s ก็ไม่แน่ใจ
(ไม่ต้องตกใจ ตอนนั้นเราก้อยังไม่เกิดเหมือนกัน> <")
ที่เรารู้จักก็เพราะว่าเมื่อสิบปีก่อนขึ้นรถทีไรก็ฟังเพลงแนวนี้
ตามใจผู้ปกครอง :D
ตอนเด็กๆก็ร้องตามมั่วๆ ทั้งๆที่ฟังไม่ออก แต่ก็ชอบบบ:)
แต่พอเวลาผ่านๆมาก็ไม่ได้ฟังแล้ว... ฟังเพลงทันสมัยมากขึ้น
มีอยู่วันนึง นึกถึงเพลงพวกนี้ขึ้นมา
คิดถึงมากเลย... โดยเฉพาะเพลง I'll never dance again.
ซึ่งเนื้อเพลงมีอยู่ว่า ผู้หญิงกับผู้ชายคู่หนึ่ง สัญญากันว่าจะเต้นด้วยกันตลอด
แต่มีวันนึงที่ผู้ชายไปเห็นผู้หญิงเต้นกับผู้ชายคนอื่น ทำให้เค้าคิดว่าจะไม่เต้นไปอีกตลอดชีวิต
ฟังแล้วเห็นวัฒนธรรมสมัยก่อนที่การเต้นลีลาศเป็นเรื่องที่พบเห็นได้ทั่วไป
เพลงเก่าๆก็ดีในแง่ที่ทำให้เราเห็นความแตกต่างระหว่างอดีตกับปัจจุบันและความไพเราะของบทเพลง
เพลงสมัยก่อนจะร้องช้า เข้าใจง่าย เนื้อหาสั้นและกระชับได้ใจความ ท่วงทำนองจะช้าๆ ไม่เร่ง
ต่างกับเพลงสมัยนี้
ลองไป searchดูก็เจอบล็อกนี้
มีเพลงเก่าๆเพราะๆเยอะมาก
เพื่อนๆที่สนใจแนะนำให้เข้าไปฟังได้เลย^^
ลองฟังเพลงอื่นๆบ้างก็ได้
แนะนำ 9,999,999tears, Do that to me one more time, Tell Laura I love her, sha-la-la, I go to piece, Lover's moon, When will I see you again, Seasons in the sun ฯลฯ
คงไม่เบื่อกันใช่มั๊ย^*^""
ถึงเพลงจะดูเก่า แต่เนื้อหาไม่เก่าเลยจริงๆ
ขอบคุณที่เข้ามาดูน้าา:D
ใครเคยฟังไม่เคยฟัง ก็บอกเล่ากันมั่งนะจ๊ะ*,*
************************************************************************************

วันอังคารที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2551

เวลา...กับความรัก

...-=*=-T I M E-=*=-...










เวลา...คืออะไร ไม่มีใครมองเห็น ไม่มีใครสัมผัสได้ รู้แค่เพียงเวลากำลัง'เดิน'ไปพร้อมๆกับเรา


เวลา...ทุกคนมี 24 ชั่วโมงเท่าๆกันในแต่ละวัน แต่ทำไมเรากลับรู้สึกเหมือนว่าบางวันช่างยาวนาน แต่บางวันแสนสั้น บางคนทำอะไรได้เยอะแยะ แต่บางคนกลับมีเวลาไม่พอที่จะทำอะไรได้เลย



คำตอบก็คือความรู้สึกนึกคิดของเราที่มีอำนาจมาควบคุมเวลา จนบางคนให้เวลาไม่พอกับคำว่า "ความรัก"


"ความรัก"...มีอยู่ทั่วไปทุกหนทุกแห่ง ไม่จำกัดทั้งเวลาและสถานที่ เหมือนกับคำกล่าวที่ว่า "Love is all around"


หากใครเคยชมภาพยนตร์เรื่อง 'Notting Hill' ก็จะทราบว่าความรักนั้นจะมาถึงหรือจากเราไปเมื่อไหร่ก็ได้โดยที่เราไม่อาจรู้ตัวล่วงหน้า ดังเช่นในเรื่อง Anna Scott(Julia Robert)ดาราภาพยนตร์ที่กำลังโด่งดังสุดขีดได้มาพบรักกับ William Thacker(Hugh Grant)เจ้าของร้านหนังสือเดินทางเล็กๆแห่งหนึ่งใน Notting Hill โดยที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน


แต่ก่อนที่ความรักจะเกิดขึ้นนั้น ต้องใช้'เวลา'นานเท่าไหร่กัน...?




เคยมีคนกล่าวไว้ว่า "Love is Eternity" หรือความรักที่คงอยู่ชั่วนิจนิรันดร์ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานสักเพียงไหน แต่ความรักก็ยังคงอยู่ไม่สูญสิ้นไป


หลายคนคงเคยได้ยินนิทานเจ้าหญิงเจ้าชายหลายเรื่องที่ 'Happy Ending' ... "และแล้วเจ้าหญิงกับเจ้าชายก็อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขตลอดกาล..." เหมือนกับการ์ตูนเรื่อง "Beauty and the Beast" ที่ลงเอยแบบ Happy Ending เช่นกัน


ความรักของ 'Belle' กับ 'Beast' นั้นย่อมคงอยู่ตลอดกาล เพราะ 'Belle' รักเจ้าชายทั้งๆที่เป็นอสูรแต่จิตใจอ่อนโยนและเป็นคนดี ต่างกับ 'Gaston' ผู้ที่รูปร่างหน้าตาดี แต่ภายในมีแต่ความอวดดี คุยโม้โอ้อวด


หากความรักของเราเปรียบได้แค่เสี้ยวหนึ่งของ Belle และ Beast ต่อให้นานสักกี่ศตวรรษ 'เวลา'ก็คงมาทำร้ายความรักไม่ได้


แล้วคุณล่ะเคยคิดมั๊ย... ว่าจะรักษาความรักไปได้นานสักเพียงไหน?





>>*ก่อนที่ 'ความรัก' จะเกิดได้ก็ต้องอาศัย 'เวลา' และหากมีความเข้าใจกัน ห่วงใยใส่ใจกัน 'เวลา' สำหรับ 'ความรัก' ก็ไม่มีที่สิ้นสุด...


อย่าลืม... ว่าเวลาของเราแต่ละคนมีไม่เท่ากัน บางคนอาจอยู่ได้อีก10ปี บางคนอาจจะแค่10เดือน หรือบางคนอาจจะแค่10วัน

ทุกคนต้องการความรัก ไม่ว่าจะเป็นความรักแบบพ่อแม่-ลูก ญาติ-ญาติ พี่-น้อง เพื่อน-เพื่อน ความรักแบบคู่รัก เราไม่มีวันรู้ว่าเวลาสำหรับคนที่เราแคร์และรักมากนั้นเหลืออยู่เท่าไหร่





ไม่ว่าจะเป็นวันใดก็ตาม อย่าปล่อยให้คำว่า 'รัก' เป็นเพียงสิ่งที่คิดอยู่ภายในใจแต่ไม่มีวันได้แสดงออกมา เปรียบเสมือนรอยทรายที่นับวันก็โดนแต่น้ำทะเลซัดสาด นานวันเข้ามีแต่จะลบเลือนและจางลงทุกที...


บอกคนที่เรารักเสียตั้งแต่วันนี้ มอบสิ่งดีๆให้แก่กัน เพียงเท่านี้เราก็จะไม่เสียใจ หาก เวลา ของ'เขา'หรือ'เธอ'ที่มีบนโลกใบนี้น้อยกว่าที่เราคิดไว้มากมายนัก



ความรักไม่จำกัดเวลา...เพียงแต่ว่า>>>
*เวลา...ทำให้ความรักเจริญงอกงาม
*เวลา...ทำให้ความขัดแย้งสงบลงและอภัยกันมากขึ้น
*เวลา...ทำให้รู้ว่าความรักมีค่ามากแค่ไหน
............................ก็เท่านั้นเอง..............................
****************HaPpY NeW yEaR 2009*************
ปีใหม่นี้...ก็อยากจะบอกว่า
"เรารักเพื่อนๆทุกคนนะไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน^^"
ขอให้ทุกคนมีความสุขมากๆ สมหวังในทุกๆเรื่องนะ
>>>ขอบคุณอย่างยิ่งที่เข้ามาอ่าน=^^=<<<